วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวิวทริปพัทยา-เกาะล้าน 4 วัน 3 คืน

วันนี้บีจะรีวิวทริปพัทยา-เกาะล้าน โดยเน้นบรรยาย เพราะถ่ายรูปแต่ที่เกาะล้านมาไม่กี่รูป






ทริปพัทยา-เกาะล้าน 4 วัน 3 คืน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม ถึง วันอังคารที่ 10 ธันวาคม 2556 โดยมีแฟนร่วมเดินทางอีก 1 คน ออกเดินทางประมาณ 9 โมงเช้า ด้วยการขับรถยนต์ส่วนตัวไปตามถนนสายมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี สายใหม่ ขับไปเรื่อยๆไม่รีบร้อนก็ถึงพัทยา ประมาณ 11 โมง โดยวันแรกได้จองบุฟเฟ่ต์อาหารเที่ยงของโรงแรม Hilton ที่ตั้งอยู่บนห้าง Central Festival เพราะเคยดูรีวิวมาเห็นว่าดูน่าทานและราคาไม่แพงจนเกินไป โดยบุฟเฟ่ต์อาหารเที่ยงของวันเสาร์จะเป็นเมนูขนมหวานที่รวมเอาทั้งเมนูไทยและเทศเข้าไว้ด้วยกัน ตกคนละ 480 บาท ไม่รวมน้ำ พอได้มาลองกินแล้วรู้สึกว่าไม่ชอบเลย เพราะรสชาติอาหารน่าจะเหมาะกับชาวต่างชาติมากกว่า ขนมหวานที่ดูหน้าตาน่าทานแต่พอกินแล้วรู้สึกว่ามันจืดอ่ะ เราอาจจะลิ้นไม่เทพก็ได้ เลยไม่สามารถเข้าถึงรสชาติของอาหารโรงแรมหรูนี้ได้ แต่ตัวโรงแรมตกแต่งได้สวยงาม พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส สมกับเป็นโรงแรม 5 ดาวค่ะ พอเสร็จจากการทานบุฟเฟ่ต์อาหารเที่ยงที่ Hilton ก็เดินเล่นในห้าง Central Festival สักพัก ก็ออกเดินทางไปยังโรงแรมในพัทยาที่จองไว้ผ่าน Agoda คือโรงแรม T5 Suites ตั้งอยู่ที่ซอยทัพพระยา 5 ห่างจากใจกลางพัทยาไม่มาก แต่ถ้ามีรถยนต์ส่วนตัวจะสะดวกกว่าเพราะต้องขับขึ้นเนินเขาและเข้าไปในซอยอีกประมาณเกือบ 100 เมตร พอขับไปถึงโรงแรมหาที่จอดรถในโรงแรมไม่มี จึงขับเลยไปข้างหน้าหาที่จอดไม่เจอก็เลยขับกลับมาถามที่โรงแรม พนักงงานบอกให้จอดชิดด้านข้างห้องอาหารได้ เลยสอบถามพนักงานว่าที่จอดรถมีอีกมั้ย เพราะมันน้อยไปอ่ะ พนักงานแจ้งว่ามีที่จอดรถด้านหลังโรงแรมอีกเป็นลานโล่ง พอจอดรถเสร็จก็ขนสัมภาระลงและเช็คอิน โดยต้องจ่ายค่ามัดจำห้อง 500 บาท เราทำการจองห้อง Standard Double Bed ไว้ 1 คืน คืนละ 862.65 บาท ถือว่าคุ้มค่ามากเพราะโรงแรมสภาพยังใหม่อยู่ ก็เค้าเพิ่งสร้างเมื่อปีนี้นี่เอง ส่วนตัวห้องพักมีขนาด 26 ตร.ม. ขนาดไม่ใหญ่มากกำลังดีสำหรับ 2 คน มีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานครบ เครื่องปรับอากาศ LCD TV ตู้เย็น น้ำอุ่น และ Wifi ฟรี เตียงนอนถือว่านอนสบายใช้ได้ ส่วนเรื่องอาหารสามารถสั่งมาทานที่ห้องได้ แต่หน้าซอยมีทั้ง Family Mart และ 7-Eleven ไม่อดตายแน่ๆมื้อเย็นวันนี้เลยไปซื้ออาหารเวฟที่ 7-Eleven มากินแทนและก็นอนหลับพักผ่อนกันไป ตื่นเช้ามาก็เตรียมเดินทางไปเกาะล้านกันต่อ โดยขับรถไปจอดที่รับฝากรถด้านหน้าตรงข้ามท่าเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ ที่เป็นตึกสีฟ้า โดยเค้าคิดค่าจอดคืนละ 140 บาท จอดทิ้งไว้ 2 คืน ก็ 280 บาท เค้าจะให้ใบไว้เป็นหลักฐาน เราจะต้องเก็บไว้ดีๆเพราะตอนเราจะไปเอารถออกต้องยื่นใบนี้ให้เค้าดู และก็ขับรถเข้าไปจอดด้านบนตึกใหม่ที่กำลังสร้างอยู่ยังไม่เสร็จดี แล้วก็ขนสัมภาระไปซื้อตั๋วเรือไปเกาะล้านคนละ 30 บาท ก็เดินไปขึ้นเรือเลยเพราะมีเรือออกตลอด ไปถึงเรือก็ออกประมาณช่วงเที่ยง นั่งเรือสักพักก็ถึงเกาะล้านเกือบๆบ่ายโมง แล้วก็ไปเช็คอินที่โรงแรมก่อนเลย โรงแรมที่จองไว้คือ Baan i Taley On Sea อยู่ทางซ้ายของท่าหน้าบ้าน เดินไปนิดเดียวก็ถึง โดยจองห้อง On Sea 1 ไว้ 2 คืน คืนละ 1,600 บาท ห้องนี้จะเห็นวิวทะเลทั้ง 2 ด้าน ส่วนตัวระเบียงห้องที่เป็นจุดขายของที่นี่เลยคือสามารถนั่ง นอน ชมวิวทะเลกันได้อย่างสบาย และตอนที่ไปเค้าปรับปรุงระเบียงให้ยื่นออกไปอีกด้วย สภาพห้องก็โอเคอยู่ สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานมีครบ แต่ไม่มีน้ำอุ่น และฝักบัวรั่วอยากให้ทำการแก้ไขด้วย และอีกอย่างที่อยากให้มีเพิ่มเติมคือราวตากผ้า เพราะเวลาเล่นน้ำมาเสื้อผ้าเปียกหาที่ตากผ้าไม่มีเลย แต่มีข้อดีตรงระเบียงห้องนี่แหละ วันแรกก็ทำการกางแผนที่เกาะล้านที่ปริ้นมา โดยจะเดินไปใกล้ๆแถวนี้ก่อนเพราะยังไม่เช่ามอเตอร์ไซค์ ไว้ค่อยเช่าพรุ่งนี้อีก 2 วัน มื้อเที่ยงวันแรกก็ทำการเดินเท้าไปกินก๋วยเตี๋ยวชื่อดังประจำเกาะ นั่นก็คือร้านป้าหวาด ตั้งอยู่ริมถนนทางไปหาดทองหลาง เพราะเห็นคนรีวิวกันเยอะ เลยต้องขอลองไปชิมหน่อย ก็สั่งก๋วยเตี๋ยวน้ำตกกับต้มยำมากินแล้วก็สั่งน้ำโก้โก้เย็นกับชามะนาว เค้าให้มาเป็นเหยือกเล็กๆน่ารักดี ส่วนรสชาติก๋วยเตี๋ยวก็ถือว่าผ่านเลย คนในร้านก็ยิ้มแย้มดี ก่อนกลับก็ทำการถามทางซะเลยว่าจะเดินไปหาดทองหลางต่อพอไหวมั้ย พี่ที่ร้านบอกว่ามันไกลอยู่เลยตัดใจไม่เดินไป และก็ดีที่ไม่เดินไปเพราะวันหลังๆลองมาขับมอเตอร์ไซค์ไปหาดทองหลางพบว่าระยะทางไกลแถมขึ้นเขาชันอีกถ้าวันนั้นเดินไปคงไม่ไหวแน่ๆ หลังจากทานมื้อเที่ยงที่ร้านป้าหวาดเสร็จเราก็เลยกางแผนที่ดูว่าพอจะเดินไปหาดไหนได้บ้าง เลยตัดสินใจเดินไปหาดตา-ยาย เพราะดูน่าจะเดินไปไหว พอเดินไปตามถนนเรื่อยๆก็เห็นทางลงไปชายหาดแถวๆท่าตลิ่งชัน เลยตัดสินใจเดินเลาะชายหาดไป ก็ได้พบว่าหาดตรงนี้สวยมาก น้ำสีฟ้าใส คนไม่พลุกพล่าน (แทบจะไม่มีคนเลยแหละ) เดินไปก็ชมวิวสวยๆไปแต่ก็กลัวๆเพราะไม่ค่อยเห็นใครและไม่รู้ว่าจะสามารถเดินเลาะไปถึงหาดตา-ยายได้หรือเปล่า แต่แฟนมันไม่กลัวมันก็พาเดินเหยียบโขดหินไปเรื่อยๆจนไปเจอถ้ำข้างๆเห็นมีคู่ฝรั่งเดินอยู่ในถ้ำด้วย แต่ไม่ขึ้นไปดูในถ้ำดีกว่า คิดว่าคงจะเป็นโพรงถ้ำเล็กๆไม่มีอะไรมาก เลยเดินเหยียบโขดหินหาทางเลาะไปหาดตา-ยาย กันต่อไป ในที่สุดก็เดินเลาะขึ้นไปถึงบริเวณ ข้างๆหาดตา-ยายได้ เย้! ก็ทำการเดินสำรวจหาดตา-ยาย เห็นมีแต่ชาวต่างชาติเต็มหาดไปหมด และเราเจอครอบครัวน้องแมวสีขาวเหลืองน่ารักลายเดียวกันทั้งครอบครัวเลยถ่ายรูปมาด้วย หาดนี้เป็นหาดแคบๆแต่คลื่นแรงมากดูแล้วท่าจะเล่นน้ำสนุก เห็นฝรั่งเล่นกันตรึม และน่าจะเหมาะแก่การทำกิจกรรมที่ต้องอาศัยคลื่น พอเดินผ่านหน้าหาดไปได้สักพักก็เห็นทางซ้ายของหาดว่าสามารถเดินเข้าไปได้ เลยลองเดินไปดูก็เห็นหาดเล็กๆที่ถูกบังจากโขดหิน ดูสงบ เป็นส่วนตัว เพราะไม่เห็นคนเลย ก็เลยนั่งพักตรงหน้าหาดนี้ ชมวิว ฟังเสียงคลื่น ผ่อนคลายดีมาก นั่งได้สักพักใหญ่ๆก็เดินกลับไปที่พักไปนั่งชมวิวตรงระเบียงห้องพักต่อ พอตกเย็นเริ่มหิวก็คิดว่าจะไปกินที่ร้านชื่อดังบนเกาะคือครัวพวงพยอม พอเริ่มฟ้าสลัวๆก็เดินกันไปที่ร้านซึ่งก็ไกลจากที่พักพอสมควรแต่ก็เดินกันไปเรื่อยๆก็ถึง โดยวันที่เราไปกันคนไม่เยอะมาก ซึ่งดีมากไม่ต้องจองโต๊ะ มาถึงก็เลือกนั่งโต๊ะด้านหน้าเลยที่นั่งกันได้เป็นคู่และหันหน้าไปทางหาดมองออกไปเห็นเกาะด้านหน้าอยู่ใกล้ๆ น่าจะเป็นเกาะครก โต๊ะมีจุดเทียน บรรยากาศโรแมนติกทีเดียว อาหารที่สั่งคือปลากระพงทอดราดน้ำปลา ต้มยำทะเล ข้าวผัดทะเลจานกลาง และลองสั่งเหล้าปั่นลิ้นจี่มาดู รสชาติอาหารก็ใช้ได้ แต่ติดใจเหล้าปั่นรสลิ้นจี่มากที่สุด เพราะเป็นคนไม่ชอบทานแอลกอฮอลล์ทุกชนิด เพราะรสชาติมันขมไม่อร่อย แต่พอมากินเหล้าปั่นรสลิ้นจี่ที่นี่ชอบมาก หอม หวานลิ้นจี่ มีกลิ่นแอลกอฮอลล์นิดหน่อยพอรับได้ เลยสามารถกินได้เรื่อยๆ หลังจากนั้นเลยติดใจเหล้าปั่นรสลิ้นจี่ไปเลย หลังจากทานมื้อค่ำที่ครัวพวงพะยอมเสร็จก็เดินกลับที่พัก วันรุ่งขึ้นตื่นมาก็ทำการเช่ามอเตอร์ไซค์โดยตั้งเป้าหมายว่าจะขับไปให้ครบทุกหาดบนเกาะล้าน โดยเป้าหมายแรกที่ไปคือหาดนวลเพราะดูแล้วจะอยู่ใกล้จากที่พักมากที่สุด ก็ให้แฟนขี่ให้นั่งมั่ง เพราะเราขับรถให้มันนั่งสบายมาตลอดทางละ ขับไปเรื่อยๆตามทางสังเกตได้ว่าสองข้างทางเป็นเขา เป็นป่าหมด ไม่มีบ้านคนเลย ถ้าเดินมากันเองคงเปลี่ยวน่าดู แต่ทางที่ไปหาดนี้เรื่อยๆมากไม่มีเนินหรือโค้งหักศอกให้หวาดเสียวมากนัก ขับไปสักพักก็ถึงหาดนวล หาดนี้ออกแนวสงบ คนไม่เยอะมาก แต่ค่อนข้างเห็นคนไทยเยอะในหาดนี้ น้ำก็สะอาดน่าเล่นดี เห็นมีลูกบอลที่เข้าไปข้างในและเดินบนน้ำให้เล่นด้วย เราก็เดินเล่นชมหาดกันสักพักก็ไปหาดแสมกันต่อ ทางไปหาดแสมค่อนข้างชันหน่อยเพราะขึ้นเนินเขามีโค้งพอสมควรต้องขับระวังหน่อย พอมาถึงหาดแสมก็รู้สึกว่าหาดนี้น้ำน่าเล่นมาก หาดยาวดี และคนไม่เยอะมากอาจจะเป็นเพราะยังเช้าอยู่ด้วย หาดนี้จะมีปลากระแบนยักษ์อยู่ทางขวามือ มันก็คือแผง Solar Cell ที่ทำเป็นรูปคล้ายปลากระแบน และก็มีจุดชมวิวข้างๆสามารถเดินขึ้นไปชมได้ พอเดินเล่นกันได้สักพักก็คิดว่าตอนเย็นๆจะมาเล่นน้ำที่หาดนี้กันดีกว่าเพราะน้ำใสน่าเล่น ทรายก็ละเอียดดีแถมตัวหาดยาวด้วย เสร็จแล้วเราก็ไล่สำรวจหาดต่อไปกันคือหาดเทียนจะเป็นหาดเล็กๆอยู่ถัดจากหาดแสม หาดนี้จะต้องจอดมอเตอร์ไซค์ทิ้งไว้และเดินไปตามสะพานเพื่อไปยังหาด ตอนที่เราไปสะพานค่อนข้างชำรุดต้องเดินกันระวังหน่อย พอเดินลงไปถึงหาดเห็นมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเยอะ ตัวหาดไม่ยาวมาก น้ำใส ทรายไม่ละเอียดเท่าหาดแสม และมีโขดหินเยอะ เราก็เดินเล่นไปกลับหัวหาด ท้ายหาดเหมือนเดิมแล้วก็กลับไปหาดต่อไปคือหาดตาแหวนก็ขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นเขาไป ทางค่อนข้างชันมากแถมมีโค้งเยอะ ต้องขับระวังกันทีเดียวแต่ทางค่อนขว้างกว้างหน่อย ก่อนที่จะไปถึงหาดตาแหวนจะมีจุดชมวิวเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลต้องเสียค่าขึ้นไปชมวิวคนละ 10 บาท ขึ้นไปก็เห็นวิวรอบๆแต่วิวไม่สวยเท่าไหร่เพระเห็นหลุมเก็บขยะทั้งหมดของเกาะ และมีกลิ่นขยะด้วยเลยเดินกลับลงไปก็ขับไปกันต่อก็เจอจุดชมวิวอีกที่เหมือนเป็นสถานปฏิบัติธรรมต้องขับขึ้นเขาไปอย่างระวังเพราะชันมากขึ้นไปก็เจอศาลาให้นั่งมีน้องแมวเจ้าถิ่นเยอะแยะเลย จากศาลามองออกไปก็จะเห็นวิวหาดตาแหวนสวยงาม นั่งชมวิวสักพักก็ต้องลาจากน้องแมวแสนเชื่องไปยังหาดตาแหวน พอลงไปก็เห็นคนเยอะแยะเต็มหาดไปหมด เลยตัดสินใจกลับดีกว่า ไม่อยากเดินลงไปละ แต่หาดนี้เค้าคนเยอะตลอดอยู่แล้วเพราะหาดนี้เหมือนเป็นไฮไลด์ของเกาะ น้ำใส ทรายสวย หาดกว้าง แต่ขอบายอ่ะคนมันเยอะเกินไป โดยตอนแรกคิดว่าจะไปหาดสังวาลย์ที่อยู่ทางซ้ายของหาดตาแหวนแต่พอเห็นจำนวนคนก็ไม่อยากเดินไป เราเลยขับมอเตอร์ไซค์ไปต่อยังหาดสุดท้ายที่ยังไม่ได้ไปก็คือหาดทองหลางที่วันแรกถามร้านป้าหวาดว่าจะเดินไปไหวมั้ย ทางร้านบอกไกลเลยตัดสินใจไม่เดินไป ละก็คิดถูกละที่ไม่เดินไปเพราะขับขึ้นเขาชันมาก ทางแคบ เปลี่ยว สองข้างทางเป็นป่า กว่าจะถึงก็สักพักทีเดียว พอไปถึงสุดทางก็งง เพราะไม่มีป้ายไรบอก มองไปทางขวาก็เห็นทางลง เลยเดินกันลงไปโดยไม่รู้จุดหมาย ลงไปสักพักก็เริ่มเห็นตัวหาดทองหลาง หาดนี้แทบไม่มีคนเพราะดูจากทางที่จะมานั้นยากลำบากไปมั้ย เราก็เดินสำรวจหาดกันไป หาดนี้ค่อนข้างธรรมดา ทรายไม่ขาวละเอียดเท่าไร พอมองไปทางซ้ายก็เห็นทางมาหาดนี้เชื่อมมาจากหาดตาแหวนเค้าทำสะพานเชื่อมให้มาสะดวก ไอ้เราก็โง่ขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นเขามายากลำบากกันเอง แทนที่จะเดินมาจากหาดตาแหวนสบายๆ 555+ แต่เราก็ไม่ได้เดินกันเพราะคนมันเยอะ เสร็จแล้วก็เดินกลับขึ้นไปเอามอเตอร์ไซค์เพื่อไปจุดชมวิวที่มีกังหันลมใกล้ๆหาดแสม ขับขึ้นไปก็เจอกังหันลมข้างทางเลย สวยดี ขึ้นไปก็เห็นเป็นเหมือนห้องอะไรสักอย่างและมีเหมือนเสารับสัญญานอยู่ตรงกลางสูงมากๆ น่าจะสูงที่สุดในเกาะนี้ มองไปก็สามารถเห็นวิวได้เกือบทั่วเกาะเลย ชมวิวสวยๆเสร็จก็ไปยังจุดหมายสุดท้ายที่คิดว่าจะไปเล่นน้ำกันก็คือหาดแสม ไปถึงก็บ่ายแก่ๆแล้วเล่นน้ำกำลังสบาย แดดไม่แรงมาก แต่สังเกตว่าคนเริ่มเยอะขึ้น เพราะบ่ายๆคนเริ่มออกมากัน เราก็ว่ายน้ำเล่นกันไป เราว่ายไปไม่ได้ไกลมาก เพราะเป็นคนว่ายน้ำไม่เก่งค่อนไปทางไม่เป็นเลย แต่แฟนมันว่ายน้ำแข็งมันก็เลยเคี่ยวเข็ญเราให้ว่ายน้ำได้แข็งๆบ้าง ก็เลยฝึกว่ายน้ำ ลอยตัวกันไป ผลปรากฏคือเราทำท่าลอยตัวแหงนมองท้องฟ้าได้สำเร็จ ต้องขอบคุณคุณแฟนที่สอน เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ลอยตัวอยู่อย่างนั้นแหละ อย่างน้อยก็ไม่จมอ่ะนะ พอเริ่มเย็นๆเราก็กลับห้องไปอาบน้ำ ตากเสื้อเปียก แต่อย่างที่บอกตอนแรกโรงแรมนี้ไม่มีที่ตากผ้า เลยพาดมันไปทั่วห้องเลย มื้อเย็นวันนี้เราตัดสินใจสั่งอาหารมากินที่ห้อง ชื่อร้านอาบังไรเนี่ยแหละเห็นเค้ามีเมนูในห้อง เราเลยสั่งปลากะพงทอดน้ำปลา ปลาหมึก หอยเชลล์ และก็หอยพอก (หอยที่เค้าว่าหากินได้บนเกาะล้านเท่านั้น) ระหว่างรอเราก็ไปสั่งข้าวผัดร้านตามสั่งแถวท่าเรือหน้าบ้าน และก็ลองสั่งเหล้าปั่นลิ่นจี่ร้านข้างๆ 7-Eleven มาลองกิน เค้าใส่เป็นถังเล็กๆมาให้ ราคาประมาณร้อยกว่าบาท พอลองกินแล้วได้กลิ่นแอลกอฮอลล์แรงกว่าและไม่หวานเหมือนร้านพวงพยอมเลยไม่ค่อยชอบ พอซื้อเสร็จก็กลับไปกินที่ห้องชมวิวจากระเบียงห้องกันไปโดยสามารถมองเห็นวิวแสงไฟยามค่ำคืนจากฝั่งพัทยาได้ลิบๆ สวยงามดี โดยมื้อนี้เราหมดไปประมาณพันกว่าบาทเลยทีเดียว แพงตรงอาหารทะเลที่สั่งมา แต่ก็ได้เยอะมากจนกินไม่หมด เลยเก็บไว้กินเป็นมื้อเช้าพรุ่งนี้ต่อ กินอิ่มก็นอนหลับไป ตื่นเช้ามาก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้อยู่บนเกาะล้าน เราเลยคิดว่าจะขี่มอเตอร์ไซด์ไปที่หาดตรงท่าเรือตลิ่งชันที่เคยไปเดินกันมาวันแรกที่มาเกาะล้าน เพราะเป็นหาดที่สวยดี อยากจะไปเดินอีกครั้งก่อนกลับ พอไปถึงปรากฏว่าเดินไม่ได้แล้วเพราะน้ำขึ้นสูงมาก แสดงว่าตอนเช้าน้ำจะขึ้นสูงเดินลำบาก ต้องไปตอนบ่ายๆเหมือนวันแกรกจะเดินได้สบาย เราเลยหมดโอกาสละเพราะรอถึงบ่ายไม่ได้ต้องกลับก่อนเที่ยง ก็เลยกลับมาที่ห้องเตรียมตัวเก็บสัมภาระกลับบ้าน ขากลับก็เดินไปขึ้นเรือตรงท่าหน้าบ้านได้เลย เสียคนละ 30 เหมือนเดิม ขึ้นไปนั่งรอบนเรือสักพักเที่ยงกว่าๆเรือก็ออก ไม่นานก็ถึงท่าเรือฝั่งพัทยาก็ขนสัมภาระไปเอารถที่ฝากไว้และก็ขับรถกลับบ้านไปตามเส้นทางถนนสายมอตอร์เวย์ ชลบุรี-กรุงเทพฯเหมือนเดิม บ่ายแก่ๆก็ถึงบ้านแล้ว
สรุปแล้วเกาะล้านเป็นเกาะที่มีธรรมชาติ และหาดสวยงาม น่าเล่นน้ำกว่าฝั่งพัทยามาก และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใครที่ต้องการเที่ยวเกาะที่สวยงามและอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขอแนะนำเกาะล้านเป็นตัวเลือกที่ดีเลยค่ะ

  

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

Blindspott or Blacklistt วงดนตรีเพลงคุณภาพจากดินแดนนกกีวี


    วงดนตรีที่บีจะมารีวิวในวันนี้คือวง Blindspott หรือ ณ ปัจจุบัน ได้เปลี่ยนชื่อเป็นวง Blacklistt โดยวงนี้เป็นแนวเพลง Alternative Rock จากประเทศ New Zealand ดินแดนนกกีวี วงนี้เป็นวงดนตรีที่ทำเพลงออกมาได้ดีมากสำหรับบีอีกวงนึง ซึ่งเมื่อครั้งยังเป็น Blindspott ชุดแรก โดยเริ่มก่อตั้งวงในปี 1997 มีสมาชิกดั้งเดิม 5 คน คือ 1. Damian Alexander (Vocals) 2. Marcus Powell (Guitar, Backing Vocals), Shelton Woolright (Drums), Gareth Fleming (Bass) and Karl Vilisini หรือ DJ Dlay (Turntables, Keyboards) ได้สร้างสรรค์เพลงไพเราะมากมายซึ่งบีคิดว่าเพราะแทบทุกเพลงสำหรับอัลบั้มแรกนี้เลย โดยบียอมลงทุนซื้อแผ่นแท้มาฟังเลยทีเดียว ซึ่งวงนี้ทำเพลงได้ดี ฟังแล้วให้ความรู้สึก เบาๆ + หนักหน่วง ได้ในเพลงเดียวกัน และเสียงร้องของ Damian ฟังแล้วท่อนเนิบๆก็เพราะ ท่อนหนักหน่วงก็แหกปากได้ บีว่าเสียงร้องเค้าเป็นเอกลักษณ์ดี และตัวดนตรีเองก็ทำออกมาได้ดี การลี๊ดกีตาร์ การตีกลอง รวมถึงซาวด์อื่นๆก็สามารถนำมาผสมให้เข้ากันได้ดี โดยเพลงที่โด่งดังในอัลบั้มแรกก็มีทั้ง Nil By Mouth, Room To Breathe, S.U.I.T, Blank, Phlex ซึ่งเพลง Blank บีชอบมาก มันเริ่มจากช้าๆและหนักได้ขึ้นเรื่อยๆ และยังมีเพลงอื่นๆที่เพราะอีกมากมาย ส่วนในอัลบั้มที่ 2 สมาชิกยังคงเดิม 5 คน แต่สมาชิกเดิมได้ออกไป 2 คน คือ Gareth Fleming และ Karl Vilisini โดยได้สมาชิกใหม่คือ Brandon Reihana และ Dave McDermott มาแทน ซึ่งในอัลบั้มที่ 2 ก็ยังทำเพลงออกมาได้ดีเช่นกัน แต่บีคิดว่าอัลบั้มแรกมันเป็น Blinspott มากกว่า แต่เพลงที่ดีๆของอัลบั้มที่ 2 ก็มีไม่น้อย เช่น Yours Truly, Stay, Lull, Just Know, Coma, Drown โดยเพลง Just Know บีรู้สึกว่า Damian ร้องได้เพราะมาก และเนื้อหาและตัวเพลงก็ทำออกมาได้ดีทีเดียว ซึ่งอัลบั้ม 2 นี้ บีก็ยอมลงทุนสั่งร้านเจ๊จูที่พันทิพย์ให้นำแผ่นเข้ามาให้ด้วย เพราะในประเทศไทยไม่มีขายเหมือนอัลบั้มแรก และบีได้ข่าวว่าเจ๊จูได้เสียฃีวิตแล้ว ขอไว้อาลัยให้กับเจ๊จูด้วยค่ะ น่าเสียดายที่ร้านเพลงดีๆแบบนี้ต้องปิดตัวไป และมาต่อกันที่อัลบั้มล่าสุด หรือเป็นซิงเกิ้ลบีก็ไม่แน่ใจ เพราะเท่าที่เห็นเพลงออกมาตอนนี้มีแค่ 2 เพลง คือ From The Blind Spot และ Worth Fighting For โดยทางวงได้เปลี่ยนชื่อเป็น Blacklist และนำสมาชิกเดิมกลับเข้ามาคือ Gareth Fleming และ Karl Vilisini ส่วนสมาชิกเดิมที่อยู่ในอัลบั้มที่ 1 และ 2 คือ Shelton Woolright ได้ออกไปอยู่กับวง I Am Giant แล้ว (วงนี้ก็มีบางเพลงเพราะดีแต่บีว่า Blindspott เทพกว่า) และได้เพิ่มสมาชิกใหม่มาคือ Tristan Reilly 

    สรุปแล้ววงนี้เป็นวงคุณภาพจากดินแดนนกกวีวีสำหรับบีจริงๆ ใครสนใจก็ไปลองหาฟังได้นะคะ!



วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

Rammstein วงดนตรีเพลงเร้าใจ...จากเมืองเบียร์


    วงดนตรีที่บีจะมารีวิววันนี้คือวง Rammstein โดยวงนี้จัดเป็นแนวเพลง Dance Metal หรือ Neue Deutsche Härte ซึ่งบีชื่นชอบจังหวะดนตรีของวงนี้มาก ฟังเพลงวงนี้ทีไรอยากส่ายหัวทุที (ส่ายหัวเพราะความสันส์)    โดยเนื้อหาของเพลงรวมถึง Music Video จะออกแนวรุนแรงและอนาจารอยู่บ้าง เช่น เพลง Mein teil (เป็นเรื่องจริงที่เยอรมันของชาย 2 คน ที่รู้จักกันทาง Internet และนัดเจอกันเพื่อจะแลกกันลิ้มรสเนื้อของกันและกัน), เพลง Mann gegen Mann (เนื้อหาเกี่ยวกับเกย์), Amerika (เนื้อหาเสียดสีชาวอเมริกัน) หรือเพลง Pussy (เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง SEX รวมถึงมิวสิกวีดีโอที่เหมือนหนังโป๊) แต่ความรุนแรงของเนื้อหาก็สู้จังหวะดนตรีที่สุดแสนเร้าร้อนของวงนี้ไม่ได้ ที่บีชอบเพลงของวนดนตรีนี้ก็เพราะจังหวะดนตรีล้วนๆ เพราะบีฟังภาษาเยอรมันไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก 555+ โดยวงนี้สามารถผสมผสานจังหวะ Rock + Electronic + Orchestra ได้เข้ากันดีนักเชียว  ส่วนเพลงจังหวะช้าๆของวงนี้กีมีเหมือนกัน ฟังแล้วให้ความรู้สึกเศร้าๆ เช่น เพลง Ohne Dich, Reise, Reise โดยส่วนใหญ่เพลงของวงนี้บีจะชอบเกือบทุกเพลง และวงดนตรีนี้จะแสดงสดได้มันส์มาก แสง สี เสียง Effect ต่างๆ อลังการสุดๆ ถ้าได้มีโอกาสดูวงนี้เล่นสดก่อนตายก็คงดี กลายเป็น Bands To See Live Before You Die! ไปเลย 



    ประวัติคร่าวๆของวงมีดังนี้ Rammstein ป็นวงดนตรีเยอรมันในแนว Neue Deutsche Härte ก่อตั้งวงในเบอร์ลินในปี 1994 ประกอบด้วยสมาชิก Till Lindemann (ร้องนำ), Richard Z. Kruspe (กีตาร์ลีด และร้องประสาน), Paul H. Landers (กีตาร์ริทึม, ร้องประสาน), Oliver "Ollie" Riedel (กีตาร์เบส), Christoph "Doom" Schneider (กลองและเพอร์คัชชันอีเลกทรอนิกส์) และ Christian "Flake" Lorenz (คีย์บอร์ด) พวกเขาได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของแนว Neue Deutsche Härte ร่วมกับวงอย่าง Oomph!, Eisbrecher, และ Die Krupps แนวเพลงพวกเขายังได้รับขนานนามว่า Tanz-Metal (หรือ "แดนซ์เมทัล") เพลงของพวกเขาโดยมากจะมีเฉพาะในประเทศเยอรมนี แต่ก็แสดงทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นภาษาอื่นด้วยอย่าง ในภาษาอังกฤษ ("Amerika", "You Hate", "Angel"; เพลงเก่าของดีเพชเชโมด ที่ชื่อ "Stripped" และเพลงของเดอะราโมนส์ "Pet Sematary"), ภาษาสเปน ("Te quiero puta!"), ภาษารัสเซีย ("Moskau", "Lied von der unruhevollen Jugend"), และภาษาฝรั่งเสส ("Amour") ในปี 2005 พวกเขามียอดขายทั่วโลกอยู่ที่ 10 ล้านชุด

ขอขอบคุณเนื้อหาประวัติจาก http://th.wikipedia.org